หากลองมองดูร้านขายของที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน จะพบว่ามีร้านค้าและโกดังที่เปิดในรูปแบบธุรกิจสินค้ามือสองจากญี่ปุ่นเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งได้รวบรวมสินค้าเอาไว้หลากหลายประเภท ทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ ของแต่งบ้าน และอื่น ๆ อีกเพียบ ในราคาที่โดนใจ จนหลายคนเริ่มสนใจและอยากจะทำธุรกิจขายของมือสองจากประเทศญี่ปุ่นกับเขาบ้าง หากคุณคือคนหนึ่งที่อยากจับกับธุรกิจนี้ มาดูถึงข้อควรรู้ก่อนเริ่มต้นขายของมือสองญี่ปุ่นให้มากขึ้นกันก่อนได้เลยในบทความนี้
ทำไมต้องสินค้ามือสองจากญี่ปุ่น?
- สินค้ามีคุณภาพ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพ ทั้งด้านการผลิตที่มีความพิถีพิถัน รวมถึงการเลือกใช้วัสดุชั้นเยี่ยมที่คงทน แม้สินค้าบางชนิดจะมีราคาสูงแต่ก็การันตีได้ว่าเมื่อซื้อไปแล้วจะสามารถใช้ได้นาน คุ้มค่าคุ้มราคา
- สภาพดี เพราะธรรมชาติของคนญี่ปุ่น มักจะใช้ของทุกอย่างไม่นาน แถมยังมีการจัดเก็บและรักษาเอาไว้อย่างดี นอกจากนี้คนญี่ปุ่นยังชอบตามเทรนด์แฟชั่น ดังนั้นหากสินค้าเริ่มไม่ทันยุคทันสมัยก็จะเปลี่ยนใหม่ทันที ทำให้สินค้าจากคนญี่ปุ่นมีสภาพดี 80-90% เลยทีเดียว
- ราคาย่อมเยา เนื่องจากพื้นที่ในการอยู่อาศัยของญี่ปุ่นมีจำกัด คนญี่ปุ่นจึงต้องคอยเคลียร์บ้านด้วยการนำของที่ไม่ได้ใช้ออกมาขายในรูปแบบสินค้ามือสอง โดยไม่ได้คาดหวังกำไร
เคล็ดลับที่ควรรู้ในการทำธุรกิจสินค้ามือสองจากญี่ปุ่น
1. การเลือกสินค้า
หากยังไม่รู้ว่าควรเลือกสินค้าประเภทไหนดีเข้ามาขาย ให้ลองเลือกจากสิ่งที่ชอบ หรือจากความสนใจ เพราะเราจะรู้ข้อมูลและรายละเอียดของสินค้า ทำให้ง่ายต่อการตั้งราคา และสามารถนำเสนอสินค้าได้ดี ทำให้ปล่อยสินค้าได้ง่ายขึ้น หรือถ้าไม่มีสิ่งที่ชอบ อาจเลือกจากสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
- ของตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ อย่างพวกจานชาม ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่าประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่ในการอยู่อาศัยที่ค่อนข้างจำกัด และด้วยนิสัยของคนญี่ปุ่นที่ชอบใช้ของไม่นานแต่ยังคงสภาพดีเอาไว้ ทำให้บางครั้งคุณอาจจะได้ของตกแต่งบ้านที่ไม่มีรอยขีดข่วน หรือเซ็ตจานชาม เครื่องใช้ที่ยังไม่เคยถูกแกะออกมาจากกล่องเลยด้วยซ้ำ
- ของเล่น ของสะสม ญี่ปุ่นนับได้ว่าเป็นประเทศต้นตำรับที่ขึ้นชื่อในเรื่องตัวการ์ตูน ของสะสมอยู่แล้ว ซึ่งบางชิ้นอาจเป็นสินค้ารุ่น Limited Edition ที่หาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน หรือมีขายแค่ในบางประเทศเท่านั้น
- เสื้อผ้าแฟชั่น เนื่องจากความนำแฟชั่นของคนญี่ปุ่น ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นประจำ สินค้าเสื้อผ้าของคนญี่ปุ่นจึงยังเป็นสินค้านำเทรนด์ที่อยู่ในสภาพดี
2. อย่าลืมตรวจสอบสินค้า
แม้บางร้านจะมีการรับสินค้าเป็นทีละโกดัง ซึ่งจะได้สินค้าเป็นจำนวนมาก แต่อย่างน้อยที่สุดก็ควรตรวจสภาพสินค้าในเบื้องต้นก่อนวางขาย เพราะสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพอาจทำให้ภาพลักษณ์ของร้านค้าดูแย่ลงไปด้วย กลับกันหากสินค้าที่นำมาวางขายเป็นของดีมีคุณภาพ ก็จะส่งผลให้ผู้ซื้อเกิดความประทับใจจนอาจอยากแวะมาซื้อซ้ำและนำไปบอกต่อ
3. การตั้งราคาขายสินค้า
หากเคยไปร้านขายของมือสองที่ขายสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น จะเห็นว่ามีการคิดราคาสินค้าอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
- ราคาขายต่อกิโล เป็นการขายแบบชั่งน้ำหนักที่เกิดจากการเหมาตู้ในการขนส่ง ทำให้การคิดราคาต้นทุนด้วยการหารต่อน้ำหนักทั้งหมดทำได้ง่ายกว่า จึงนำมาตั้งเป็นราคาขายด้วยการชั่งน้ำหนักตามประเภทของสินค้า เช่น เซรามิกขีดละ 20 บาท เสื้อผ้าขีดละ 40 บาท
- ราคาขายต่อชิ้น เป็นการคิดคำนวณราคาสินค้าต่อชิ้นและนำมาบวกราคากำไรเพิ่มตามความเหมาะสม
4. ศึกษาการส่งสินค้าให้ดี
ในการจะสั่งซื้อสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นผ่านเว็บไซต์ โดยเฉพาะสินค้ามือสอง อาจไม่มีการรองรับด้านการจัดส่งถึงประเทศไทยโดยตรงมากนัก อีกทั้งราคาที่ได้อาจไม่คุ้มค่า จนไม่สามารถนำมาต่อยอดทำกำไรได้ เพราะฉะนั้น จำเป็นจะต้องศึกษาอย่างรอบด้านเสียก่อน เพราะเมื่อเริ่มต้นขายของมือสองญี่ปุ่นแล้ว หากไม่วางแผนให้ดีอาจเสี่ยงต่อการขาดทุนได้
- การส่งด้วยไปรษณีย์ญี่ปุ่น เป็นวิธีพื้นฐานในการส่งสินค้าทั่วไป โดยมีตัวเลือกในการส่ง ดังนี้
- ส่งของทางเรือ เป็นวิธีที่ถูกที่สุด แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งนานถึง 1-2 เดือน
- ส่งของทางอากาศชั้นประหยัด (SAL) แพงกว่าการขนส่งทางเรือเล็กน้อย แต่ใช้เวลาประมาณ 1-3 สัปดาห์
- ส่งของด้วยไปรษณีย์ทางอากาศ (Air Mail) สำหรับส่งของน้ำหนักเบาไม่เกิน 2 กิโลกรัม โดยใช้เวลา 7-10 วัน
- ส่งของด้วยไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ (EMS) มีราคาแพงที่สุดแต่ใช้เวลาเพียง 5-7 วันเท่านั้น
- การใช้บริการชิปปิ้ง เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับธุรกิจขายของมือสองเนื่องจากมีราคาถูก และหากคุณสามารถหาผู้ประกอบการชิปปิ้งที่สามารถไว้ใจได้ ที่มาพร้อมกับบริการให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนแรกในหาสินค้ารวมถึงการสั่งซื้อ พร้อมช่วยให้คุณสามารถสั่งซื้อของได้ทีละหลายกิโลกรัมในครั้งเดียวโดยไม่ต้องแบ่งกล่อง หรือแบ่งรอบในการจัดส่ง ก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจขายของมือสองของคุณให้ประสบความสำเร็จได้
เริ่มต้นธุรกิจขายของมือสองจากญี่ปุ่นได้ง่าย ๆ ด้วยบริการขนส่งที่ไว้ใจได้จาก Nonbiri88 ที่สามารถช่วยให้การ
นำเข้าสินค้ามือสองญี่ปุ่นเป็นไปอย่างราบรื่น จัดส่งสินค้ามาไทย ในราคาเริ่มต้นเพียง 1XX บาท/กิโลกรัม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งสินค้าได้ที่ LINE:
@nonbiri88